เรียนต่อเล็บเจล นั้นหากทำให้บางจนเกินไปจะส่งผลให้เล็บที่ต่อนั้นแตกหักง่ายจนเกินไป คุณสมบัติโดดเด่นของเจลนั้นคือมีความเงาวาวสูงและมีความยืดหยุ่นกับหน้าเล็บสูง จึงส่งผลให้การต่อเจลนั้นดูสวยกว่าการต่ออะคลิลิค และเจลนั้นมีข้อดีอีกอย่างหนึ่งก็คือ ไม่มีกลิ่นฉุนเหมือนการต่ออะคลิลิค ปัจจุบันการต่อเล็บเจลเป็นที่นิยมมากๆ ไม่ว่าใครก็อยากมีเล็บมือที่เรียวยาว การต่อเล็บเจลนั้นเหมาะสำหรับสาวๆที่ไม่ชอบความสมบุกสมบันมากนัก ไม่นิยมต่อเล็บยาวจนเกินไป ก่อนที่จะมีการต่อเล็บเจลนั้น สิ่งแรกที่สำคัญที่สุดในการต่อเล็บก็คือขั้นตอนในการเตรียมหน้าเล็บ
สีเจล ก็คือวิวัฒนาการใหม่ที่ผสมผสานระหว่างสีทาเล็บกับเจลเนื้ออ่อน (Soft Gel) ที่ใช้ในการเคลือบเล็บ ลูกค้าสามารถเลือกสีได้ตามความพึงพอใจเหมือนสีทาเล็บ แต่แตกต่างกันตรงที่การทาสีเจลจะต้องมีผู้ช่วยที่ทำให้สีแห้งนั่นก็คือเครื่องอบเจลนั่นเอง ในการแต่ละชั้นจะต้องอบเพื่อให้สีแห้ง แต่เมื่อทันทีที่ทำเสร็จลูกค้าสามารถลุกออกไปทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามชอบใจทันที ย้ำค่ะว่า “ทันที” โดยไม่ต้องระวังสีเลอะเพราะสีเจลนั้นแห้งสนิทแล้ว ความทนทานเอาไปเลยเต็มๆ ค่ะ สีจะติดอยู่กับเล็บไม่ลอกร่อนถลอกปอกเปิกอย่างน้อยก็ 2 อาทิตย์ ใครมีโอกาสได้ทาติดใจทุกคน การเอาออกก็ไม่ใช่เรื่องยากเพียงห่อน้ำยาสีเจลก็จะหลุดร่อนออกมาอย่างง่ายดาย
ข้อเสียของการทำเล็บเจล
1. หาก เข้าร้านทำเล็บที่ผู้ทำเล็บช่างทำเล็บไม่ได้เรียนหรือไม่ได้ผ่านการอบรมการเรียนทำเล็บมาก่อนอาจจะมีความเสี่ยงที่จะทำให้เล็บพังเพราะใช้อุปกรณ์ และวิธีการไม่ถูกต้องและไม่มีคุณภาพ
2. การทาเล็บเจลบ่อยๆ จะทำให้มีความเสี่ยงที่ทำให้หน้าเล็กบางทําให้เล็บมีโอกาแตกและหักได้ง่ายขึ้น
3. เมื่อเวลาที่เล็บยาวขึ้น จะเห็นหน้าเล็กที่ ขึ้นมาใหม่ ทำให้เราอาจจะต้อง ไปทาเล็บเพิ่มหรือเป็นการเติมโคนเล็บนั่นเอง
4. ในขั้นตอนการทำเล็บเจลออกจะต้องมีการตัดใบและหน้าเล็บจริงของเราบางส่วนอาจจะต้องถูกตะไบออก
5. หากการทำเล็บไม่มีคุณภาพและไม่ถูกต้องอาจจะทำให้เล็บเกิดเชื้อราได้ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาในการพักฟื้นประมาณระยะหนึ่งกว่าจะทำให้เล็บกลับมาเป็นปกติ
BSA Academy เปิดสอนทำเล็บเจล เรียนต่อเล็บทุกรูปแบบ พร้อมเทคนิคอัดแน่นสำหรับเปิดร้าน สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 080-445-6090